ฤดูกาลที่น่าทึ่งของ หงส์แดง

ฤดูกาลที่น่าทึ่งของ หงส์แดง

ที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ภายใต้การนำของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน กำลังจะจารึกลงไปในประวัติศาสตร์ของทัพลิเวอร์พูลด้วยการคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ของสโมสร แม้แต่วิกฤตภัยคุกคามจากการ โคโรนาไวรัส ซึ่งทำให้ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ต้องออกคำสั่งระงับการแข่งขันฟุตบอลลีกทุกระดับในเมืองผู้ดีเป็นการชั่วคราวนั้น ก็ไม่สามารถปฏิเสธโอกาสที่ ลิเวอร์พูล จะยกถ้วยแชมป์ได้ ถ้งแม้มันจะเป็นการเฉลิมฉลองในสนามที่ว่างเปล่า และปราศจากแฟนบอลก็ตาม

แต่ทีมที่ดีที่สุดมีอย่าง ลิเวอร์พูล ยังมีจุดแข็งพอๆ กับจุดอ่อนของพวกเขา และตอนนี้ลิเวอร์พูลต้องตกรอบจากฟุตบอลถ้วย 2 รายการนั่นก็คือ เอฟเอ คัพ กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในระยะเวลาเพียง 8 วัน เพราะผู้รักษาประตูสำรองของพวกนั้น ไม่ดีพอเท่านายทวารมือ 1 ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ตกรอบเอฟเอ คัพ ด้วยการบุกไปพ่าย เชลซี ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ 2-0 ตามมาด้วยการตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการเปิดรังแอนฟิลด์พ่ายให้กับ “ตราหมี” แอตเลติโก้ มาดริด 2-3 ซึ่งการปราชัยทั้ง 2 เกม เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของอาเดรียน ผู้รักษาประตูมือ 2 ชาวสเปน

ในช่วงเริ่มต้นของฤดูกาลนี้ อาเดรียน เป็นวีรบุรุษของ ลิเวอร์พูล ในศึกยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ หลังเป็นคนเซฟจุดโทษพาทีมเอาชนะ เชลซี ที่เมืองอิสตันบูล แต่ในเวลานี้ โกล์วัย 33 ปี กลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังจนเป็นเหตุให้ลิเวอร์พูลตกรอบฟุตบอลถ้วย 2 รายการติดต่อกันในเวลาเพียงไม่กี่วัน แม้ว่าการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูล จะทำให้ฤดูกาลนี้ของพวกเขาประสบความสำเร็จ แต่สัญญาเตือนถึงความผิดหวังในฟุตบอลถ้วยก็เริ่มขึ้นเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลก 1 ที่พวกเขาบุกไปพ่ายให้กับ แอตเลติโก้ ที่สนามวานต๋า เมโทรโปลีตาโน่ 1-0

ลิเวอร์พูลกำลังมีลุ้นถ้วยอยู่เกือบทุกรายการ

ในเกมเลกแรกกับ แอตเลติโก้ นั้น ลิเวอร์พูลกำลังมีลุ้นถ้วยอยู่เกือบทุกรายการทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ รวมถึงยังมีดีกรีคว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ ในซีซั่นนี้มาแล้วด้วย แต่ทุกย่างเปลี่ยนแปลงไปในเวลาเพียงไม่กี่วัน คล็อปป์ กล่าวกับ “อีเอสพีเอ็น” สื่อกีฬาชั้นนำหลังจบเกมที่ ลิเวอร์พูล พ่ายให้กับ แอตเลติโก้ ว่า “เรารู้ว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเรามีช่วงเวลาที่ดีในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เราได้ไปให้ถึงรอบชิงชนะเลิศถึง 2 ครั้ง แต่วันนี้มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่แตกต่างไปจากเดิม แน่นอน เราต้องยอมรับมัน แต่มันไม่รู้สึกดีนักในคืนนี้ ผมรู้ว่า ตัวเองเป็นผู้แพ้ที่แย่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกทีมของผมพยายามต่อสู้กับนักเตะระดับโลกที่ยืนป้องกันในแดนตัวเองแถวละ 4 คน 2 แถว ความผิดพลาดหลักของเราคือ การไม่ทำประตูที่ 2 ให้เร็วกว่านั้นสัก 5 นาที เราทำประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งมันไม่ใช่ใน 90 นาที” อดีตเทรนเนอร์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน กล่าว

ประตูชัยของ ซาอูล ญีเกซ กองกลางชาวสเปน ของ แอตเลติโก้ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลก 1 ที่ซัดใส่ลิเวอร์พูล นั้น มันส่งผลให้ลิเวอร์พูล เจอความยากลำบากด้วยการแพ้ไปถึง 4 จาก 6 เกมล่าสุดรวมทุกรายการที่ลงสนาม รวมถึงนัดล่าสุดที่พ่ายตราหมี ภายใต้การนำของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ คาถิ่นแอนฟิลด์ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ไวคัสโคโรน่าคลี่คลาย และพรีเมียร์ลีก สามารถกลับมาเตะกันได้ในช่วงต้นเดือนเมษายนตามกำหนดการนั้น ในเกมต่อไป ลิเวอร์พูล จะบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสเปน ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ซึ่งหาก ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนซิตี้ ได้ พวกเขาก็จะคว้าแชมป์ลีกทันที ขณะเดียวกัน ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดล่าสุดกับ แอตเลติโก้ นั้น มันแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนของผู้รักษาประตูทั้ง 2 ทีม โดย ยาน โอบลัค มือกาวชาวสโลวิเนีย ของตราหมีแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เขาเป็นหนึ่งในโกล์ดีที่สุดในโลก ซึ่งบางทีมันก็ทำให้เราหันไปมองความผิดพลาดของ อาเดรียน นายด่านชาวสเปน ของลิเวอร์พูล ที่ทำผิดพลาดจนทำให้ลิเวอร์พูลตกรอบ

ลอริส คาริอุส โกล์ชาวเยอรมัน ทำผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย
ลิเวอร์พูล เคยเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ เมื่อปี 2018 ที่พวกเขาพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด 3-1 ซึ่ง ลอริส คาริอุส โกล์ชาวเยอรมัน ทำผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ในเกมกับ แอตเลติโก้ นั้น ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก จินี่ ไวจ์นัลดุม กองกลางชาวดัตช์ และโรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ หัวหอกชาวบราซิล แต่ แอตเลติโก้ ยิงคืนรวดเดียว 3 ประตูจาก มาร์กอส ยอเรนเต้ มิดฟิลด์ชาวสเปน ที่ซัดคนเดียว 2 ลูก และ อัลบาโร่ โมราต้า ดาวยิงตัวเก่ง แต่ช่วงเวลาที่สำคัญคือความผิดพลาดของ อาเดรียน ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการเสียประตูแรกของ ลิเวอร์พูล หลังจากที่เขาเปิดบอลพลาดไปเข้าเท้าของ เจา เฟลิกซ์ หัวหอกดาวรุ่งชาวโปรตุเกสของแอตเลติโก้ ก่อนจะเขาจะผ่านบอลให้กับ ยอเร้นเต้ ซัดเข้าไป

ในเกมเอฟเอ คัพ กับ เชลซี อาเดรียน ก็ทำพลาดเช่นกันที่ไม่สามารถรับลูกยิงของ วิลเลี่ยน ตัวรุกชาวบราซิลของเชลซีได้นั่นคือปัญหาของผู้รักษาประตูตัวสำรอง เพราะพวกเขาไม่อยู่ระดับเดียวกันกับโกล์มือ 1 ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถทำผิดพลาดได้ง่ายดาย ถึงกระนั้น อาเดรียน จะได้รับเหรียญแชมฟ์พรีเมียร์ลีกอย่างแน่นอน เมื่อลิเวอร์พูลสามารถการันตีคะแนนได้เรียบร้อยแล้ว และเขาควรจะได้รับมันกับผลงานในช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมมาช่วงที่ อลิสสัน เบ็คเกอร์ นานทวารมือ 1 ทีมชาติบราซิลได้รับบาดเจ็บที่น่องเป็นเวลา 2 เดือน

แต่ถ้า อาเดรียน มีความสามารถมากกว่านี้หรือว่า อลิสสัน สามารถลงสนามได้นั้น สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล อาจเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาอาจยังคงไล่ตามถ้วยรางวัลอีก 3 รายการในฤดูกาลนี้ ตามที่พวกเขามีโอกาส อย่างไรก็ตาม การคว้าแชมป์พรีเมียร์ มันก็ถือเป็นถ้วยสำคัญใบหนึ่ง ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกว่า มันเป็นปีที่น่าทึ่งของพลพรรคลิเวอร์พูลแล้ว